ไทยฟีเวอร์ Come Back จับตากระแสนิยม ความเป็นไทย ที่จะกลับมาอีกครั้ง
ไทยฟีเวอร์ กระแสของการ อนุรักษ์นิยม ทุกอย่างที่ขึ้นชื่อ ว่านี่แหล่ะของไทย ถ้ายังจำกันได้ ครั้งหนึ่งบ้านเรา เกิดปรากฏการณ์ นุ่งชุดไทย ห่มสไบ ใส่โจงกระเบน กันทั่วบ้านทั่วเมือง คนจำนวนมาก ที่ให้ความสนใจ เสาะแสวงหา ชุดไทยโบราณ มาสวมใส่ กลายเป็นเทรนด์ฮิต ถ้าไม่มีใส่ คงคุยกับใคร ๆ ไม่รู้เรื่อง
จากละครทีวี สามารถกระตุ้น ให้สังคมเกิด การเปลี่ยนแปลงได้ โดยเฉพาะด้าน ประเพณีและ วัฒนธรรมไทย ไม่น่าเชื่อว่า ภายในเวลา เพียงไม่กี่เดือน ก็ปลุกกระแส ให้คนไทยหันมา สวมใส่ชุดไทย และแห่ไปชม แหล่งโบราณสถาน กันไม่ขาดสาย แต่เพียงไม่นาน กระแสนิยมไทย ก็ดูเหมือนจะซาไป
แต่เมื่อไม่นานมานี้ ศิลปินหญิงไทย ที่ไปโด่งดัง ในเกาหลี และอีกหลายประเทศ ได้ปลุกกระแส ความนิยมไทย ขึ้นมาอีกครั้ง จากภาพที่เห็น บางส่วนใน MV ได้ถ่ายทอดเรื่องราว ของความเป็นไทย ในบางแง่มุม
MV เพลงนี้ ผ่านสายตาผู้ชม จากทั่วทุกมุมโลก มากกว่า 200 ล้านวิว ส่งผลให้แฟนเพลง หันมาสนใจ กระแสความเป็นไทย ได้อีกครั้งหนึ่ง ไม่เพียงแต่ใน เมืองไทยเท่านั้น แต่ยังสามารถ อวดความเป็นไทย ในระดับโลกได้ด้วย
ไทยฟีเวอร์ สู่สายตาชาวโลก จากปรากฏการณ์ LALISA
เชื่อว่านาทีนี้ คงไม่มีใคร ไม่รู้จักเธอ ลลิษา มโนบาล หรือ Lisa BLACKPINK ศิลปินเกาหลี สายเลือดไทย ที่เพิ่งปล่อยผลงาน ที่แฟนเพลงรอคอย มานานหลายปี อัลบั้มโซโลเดี่ยว ชื่อเพลงว่า LALISA โดยมีที่มาจาก ชื่อจริงของเธอ
ลิซ่า ได้นำเสนอเรื่องราว ความเป็นคนไทย ผ่านเนื้อหาบางส่วน ใน MV เพลงLalisa โดยตัวลิซ่าเอง เลือกสวมชุดไทย สีทองอร่าม พร้อมด้วยชฎา สุดอลังการ นับเป็นภาพที่ ประทับใจแฟน ๆ ชาวไทยที่เห็น ศิลปินเกาหลี สายเลือดไทยพา เอกลักษณ์ไทย ไปโกอินเตอร์
เป็นการสืบสาน นำเสนอความเป็นไทย สู่MVของตัวเอง ให้ชาวโลกได้เห็น ถึงศิลปะไทย อันงดงาม นอกจากนี้แล้ว หากใครตาดี ก็จะเห็นว่า ฉากหลังของMV คล้ายกับที่ ปราสาทหินพนมรุ้ง ซึ่งเป็นหนึ่งใน เอกลักษณ์ของ จังหวัดบุรีรัมย์ เมืองเกิดของสาว Lisa นั่นเอง
เพียงหนึ่งบทเพลง ก็นำพาให้ เทรนด์ไทยฟีเวอร์ ตื่นตัวขึ้นอีกครั้ง ธุรกิจร้านเช่าชุด ทั้งร้านเล็กร้านใหญ่ รับลูกค้ากัน แทบไม่ได้พักผ่อน โดยเฉพาะชฎา ที่ขาดตลาด อย่างรวดเร็ว ต้องเพิ่มกำลัง การผลิตอีก หลายเท่าตัว ถือเป็นเรื่องดี ๆ ที่ช่วยส่งเสริม ภาพจำของเมืองไทย ให้ทั่วโลกได้รู้จัก
กระแสออเจ้า จะกลับมาอีกครั้งหรือไม่ ?
เมื่อปี 2561 ที่ผ่านมา ผู้คนจำนวนไม่น้อย มุ่งตามรอยละคร “บุพเพสันนิวาส” ละครอิงประวัติศาสตร์ ที่โด่งดังสุด ๆ แบบที่อะไร ก็มาฉุดไม่อยู่ ชนิดที่ว่า แฟชั่นเมืองนอก มาแรงแค่ไหน ยังต้องชิดซ้าย เพราะแต่งชุดไทยเก๋ ๆ เท่ห์กว่ากันเยอะ แต่งไปเที่ยว ไปตลาด ไปเดินห้าง โอ้โห.. มันโก้เสียจริง ๆ
อาหารโบราณ ขนมโบราณ หรือโบราณสถาน และสถานที่ ถ่ายทำฉากต่าง ๆ ที่ปรากฏในละคร ก็ยังได้รับ ความสนใจอีกครั้ง ผู้คนต่างอยากรู้ อยากเห็น อยากลอง และอยากไปสัมผัส ตามรอยออเจ้า ด้วยตัวเอง
ส่งผลไปถึง การตื่นตัวของ ผู้คนในหลาย ๆ วงการ ไม่ว่าจะเป็น วงการอาหาร วงการเสื้อผ้า วงการนำเที่ยว ไปจนกระทั่ง สถานที่ท่องเที่ยว ที่เป็นโบราณสถานต่าง ๆ และผลิตภัณฑ์ สินค้าไทย ๆ ก็พลอยได้รับ ความนิยมเพิ่มขึ้น อย่างท่วมท้น
นับเป็นอีกหนึ่ง กรณีศึกษา ที่ประสบความสำเร็จ เหนือความคาดหมาย ของวงการละครไทย และเรทติ้งสูงสุด ในวงการจอแก้ว ที่ยังไม่มีใคร ทำลายได้ หรือละครเรื่องนี้ จะต้องกลับมา ทำลายสถิติ ของตัวเองกันนะ ?
กระแสออเจ้า จะกลับมาอีกครั้ง ในละคร “พรหมลิขิต” ทางช่อง 3 ซึ่งเป็นภาคต่อของ “บุพเพสันนิวาส” ที่กำลังจะ มีการถ่ายทำ ก่อนสิ้นปีนี้ เป็นเรื่องที่น่า จับตามองว่า การกลับมาครั้งนี้ จะสามารถสร้าง ปรากฏการณ์ ไทยฟีเวอร์ ให้กลับมาอีกครั้ง ได้หรือไม่
หากละคร “พรหมลิขิต” ทำได้สำเร็จจริง เราคงจะได้เห็น กระแสเที่ยวเมืองไทย มีภาพบรรยากาศ ของความเป็นไทย แทรกซึมอยู่ใน ทุกเรื่องราว ทุกกิจกรรม ทุกสถานที่ คงรู้สึกอิ่มเอมใจ ไม่ใช่น้อย
บอกความเป็นไทย ให้โลกได้รู้
เชื่อว่าลึก ๆ แล้ว พวกเราทุกคน มีความเป็นไทย อยู่ในสายเลือด เพียงแค่รอวัน ที่ได้แสดงออกมา ถ้าคุณรู้สึก ภาคภูมิใจใน ความเป็นไทยเรื่องใด อย่าเก็บมันไว้ เพียงแค่ไดอารี่ อินสตาแกรม เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ หรือเก็บไว้ภูมิใจ แค่เพียงลำพัง
เราทุกคนควรช่วยกัน ถ่ายทอดเรื่องราวดี ๆ เหล่านั้นออกมา ให้สังคมได้เห็น ประกาศให้โลกรู้ ว่าตรงนี้ที่เราอยู่ ที่นี่คือเมืองไทย ที่อุดมสมบูรณ์ แม้แต่ชาวต่างชาติ ยังมีความสนใจ อยากเข้ามาสัมผัส มาเรียนรู้วิถีไทย ดังนั้นเราทุกคน ควรมีความ ภาคภูมิใจและ ส่งเสริมความเป็นไทย ให้เป็นที่ประจักษ์ แก่สายตาทั่วโลก